ให้นักศึกษาศึกษาพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
พ.ศ.2546
เมื่อนักศึกษาอ่านพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
พ.ศ.2546
แล้วตอบคำถามดังต่อไปนี้
1. พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ ประกาศใช้เมื่อใด
และมีผลบังคับใช้เมื่อใด
ตอบ พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ ประกาศใช้เมื่อ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2546 และให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
2. ผู้รักษาตามพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้คือใคร
ตอบ นายกรัฐมนตรี
3.เหตุผลที่ประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้เพราะอะไร
ตอบ เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้
คือ โดยที่มีการปฏิรูประบบราชการ เพื่อให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการตอบสนองต่อการพัฒนาประเทศและให้บริกาแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ซึ่งการบริหารราชการและการปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการนี้ต้องใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ มีประสิทธิภาพ เกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ
ลดขั้นตอนการปฏิบัติงานที่เกินความจำเป็น
และประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวกและได้รับการตอบสนองความต้องการ
รวมทั้งมีการประเมินผลการปฏิบัติราชการอย่างสม่ำเสมอ
4. พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้มี กี่หมวด กี่มาตรา
ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ตอบ พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้มี
9 หมวด ประกอบด้วย 53 มาตรา ประกอบด้วย
หมวดที่ ๑ การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี มาตรา ๖
หมวดที่ ๒การบริหารราชการเพื่อให้เกิดประโยชน์สุขของประชาชน มาตรา ๗ – มาตรา ๘
หมวดที่ ๒การบริหารราชการเพื่อให้เกิดประโยชน์สุขของประชาชน มาตรา ๗ – มาตรา ๘
หมวดที่ ๓ การบริหารราชการเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ
มาตรา ๙
หมวดที่ ๔
การบริหารราชการอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ มาตรา ๒๐ -
มาตรา ๒๖
หมวดที่ ๕ การลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน มาตรา ๒๗ - มาตรา ๓๒
หมวดที่ ๖ การปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการ มาตรา ๓๓ - มาตรา ๓๖
หมวดที่ ๗ การอำนวยความสะดวกและการตอบสนองความต้องการของประชาชน มาตรา
๓๗ - มาตรา ๔๔
หมวดที่ ๘ การประเมินผลการปฏิบัติราชการ มาตรา ๔๕ - มาตรา ๔๙
หมวดที่ ๙ บทเบ็ตเตล็ด มาตรา ๕๐ - มาตรา ๕๓
5. วัตถุประสงค์ของพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ประกอบด้วยอะไรบ้าง
1. เกิดผลประโยชน์สุขของประชาชน
2. เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ
3. มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ
4.ไม่มีขั้นตอนการปฏิบัติงานเกินความจำเป็น
5. มีการปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการให้ทันต่อเหตุการณ์
6. ประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวกและได้รับการตอบสนองความต้องการ
7. มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการอย่างสม่ำเสมอ
6. หน่วยงานใดที่มีหน้าที่ร่วมกันในการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีสำนักเลขาธิการ
ตอบ หน่วยงานใดที่มีหน้าที่ร่วมกันในการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน คือ
คณะรัฐมนตรีสำนักเลขาธิการ
นายกรัฐมนตรีสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงบประมาณ
7. หลังจากที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนต้องดำเนินการจัดทำแผนเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาภายในกำหนดเวลากี่วัน
ตอบ เมื่อคณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงบประมาณ ร่วมกันจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน
เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน 90 วัน
นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
8. แผนบริหารราชการแผ่นดินนั้น กำหนดให้จัดทำแผนกี่ปี
ตอบ แผนบริหารราชการแผ่นดินนั้น
กำหนดให้จัดทำแผน 4 ปี
โดยนำนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภามาพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และแผนพัฒนาประเทศด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
9. ผู้ที่ทำหน้าที่ประเมินหน่วยงานของรัฐตามพระราชกฤษฎีฉบับนี้คือใคร
ตอบ ที่ทำหน้าที่ประเมินหน่วยงานของรัฐตามพระราชกฤษฎีฉบับนี้
คือ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานงบประมาณ
10. การประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้
ประเมินอะไรบ้าง อธิบาย
ตอบ การประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้
ประเมินความคุ้มค่า
ให้คำนึงถึงประเภทและสภาพของแต่ละภารกิจความเป็นไปได้ของภารกิจหรือโครงการที่ดำเนินการ
ประโยชน์ที่รัฐและประชาชนจะพึ่งได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น